วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

อันตราคนี

บทละครพูดฉบับย่อ เรื่อง อันตราคนี
                                        โดยประพาส   หมอกม่วง

           ระบบการปกครองและวัฒนธรรมของนครธีปปุระคือมีประมุขเรียกว่าอัครประธานและมีคณะมนตรีเป็นที่ปรึกษาในการบริหารแผ่นดิน  ก่อนที่คีรีธรจะได้รับเลือกเป็นอัครประธาน
เอศบุตรบิดาของอันตราคนีและหัสมณีเป็นอัครประธานแห่งนครธีปปุระ  แต่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น  ซึ่งทำให้เสื่อมเสียวงศ์ตระกูล  คือเอศบุตรทราบความจริงว่าตนได้ฆ่าพ่อและนำแม่มาเป็นภรรยา  เขารู้สึกเสียใจมาก  ยุชาสิตาภรรยาของเอศบุตรจึงฆ่าตัวตายในทันที  ส่วนเอศบุตรได้ใช้เหล็กแหลมทิ่มตาตนบอด  และเนรเทศตัวเองสาบสูญไป  คณะมนตรีจึงให้ลูกชายทั้งสองของเอศบุตร คืออสิทธกฤตและพลนิกฤต ผลัดกันเป็นอัครประธานคนละปี  แต่ปรากฏว่าเมื่อครบกำหนดอสิทธกฤตไม่ยอมมอบอำนาจให้พลนิกฤต  ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น  พลนิกฤตไปขอความช่วยเหลือจากทหารต่างประเทศ  ทั้งสองต่อสู้กันและตายในสนามรบ คณะมนตรีมีมติให้คีรีธรซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงและเป็นพี่ของยุชาสิตารับตำแหน่งอัครประธาน  คีรีธรมีภรรยาชื่ออุรสิลและมีบุตรชายชื่อเหมาธรซึ่งเป็นคู่หมั้นของอันตราคนี  ตามประเพณีทางศาสนาของชาวธีปปุระ เมื่อมีคนตายจะต้องทำพิธีฝังศพทันที  วิญญาณผู้ตายจึงไปสู่สุคติ  เพียงแต่โรยดินพอกลบร่างก็ถือว่าเสร็จพิธี  หากศพถูกทิ้งให้เป็นเหยื่อแร้งกา  วิญญาณจะไม่สงบสุข   คีรีธรได้จัดพิธีศพให้อสิทธกฤตอย่างใหญ่โตเยี่ยงวีรบุรุษที่ป้องกันบ้านเมือง  ส่วนพลนิกฤตในฐานะผู้ก่อความไม่สงบ  ศพถูกทิ้งไว้ตามยถากรรม  คีรีธรออกประกาศว่าหากใครพยายามฝังศพพลนิกฤตตามประเพณีทางศาสนา  ผู้นั้นมีโทษถึงตาย   
            คืนหนึ่งอันตราคนีได้แอบไปทำพิธีฝังศพพลนิกฤต  เมื่อกลับมาบ้านก็ได้พบกับแม่นม 
ทั้งคู่พูดคุยกันแต่อันตราคนีไม่ได้บอกความจริงกับแม่นมว่าเธอไปที่ใดมา  หัสมณีเดินเข้ามาอันตราคนีได้พูดเรื่องที่เธอแอบไปทำพิธีฝังศพให้พลนิกฤต  ซึ่งหัสมณีไม่เห็นด้วย  จากนั้นจึงเข้านอน  อันตราคนีเห็นเหมาธรเดินมา  เธอและเหมาธรรักกันมาก  คืนก่อนอันตราคนีแต่งตัวเหมือนผู้หญิงทั่วไป คือแต่งหน้าและใส่น้ำหอมเพื่อไปหาเหมาธรและเต็มใจจะเป็นภรรยาของเขา  แต่
เหมาธรกลับหัวเราะทำให้อันตราคนีโกรธมาก จึงรีบกลับบ้าน  อันตราคนีได้บอกเหตุผลให้เหมาธรรู้ว่าเธออยากมีความสุขกับเขาเพราะขณะนี้ไม่สามารถจะแต่งงานกับเขาได้  ขอให้เหมาธรไปจากเธอ  เหมาธรจึงเดินจากไป  ด้านหัสมณีซึ่งนอนไม่หลับจึงไปหาอันตราคนีและพูดเรื่องการทำพิธีฝังศพให้พลนิกฤต  แต่อันตราคนีได้บอกว่าเธอได้ไปทำพิธีฝังศพมาแล้ว  หัสมณีตกใจมาก ทหารยามที่เฝ้าศพพลนิกฤตมารายงานกับคีรีธรว่าได้มีคนแอบมาทำพิธีฝังศพ  แต่ตนได้เอาดินที่อยู่บนศพออกหมดแล้วและไม่มีใครรู้เรื่องนี้  ตนได้พบเสียมที่เป็นของเด็กเล่นตกอยู่ในบริเวณที่ตั้งศพของพลนิกฤต  คีรีธรบอกให้ทหารที่มารายงานข่าวให้กลับไปทำหน้าที่ต่อ  และจับคนที่ทำพิธีฝังศพมาให้ได้  วันต่อมาเมื่ออันตราคนีทราบว่าดินที่ใช้ทำพิธีฝังศพถูกเอาออกจากศพพลนิกฤตพี่ชายของเธอ  อันตราคนีจึงได้แอบไปทำพิธีฝังศพอีก  แต่คราวนี้อันตราคนีถูกทหารยามจับตัวไว้ได้  และนำตัวไปให้คีรีธร  เขาตกใจมากที่เห็นอันตราคนี  จึงพยายามพูดให้อันตราคนีเลิกล้มความตั้งใจที่จะทำพิธีฝังศพพลนิกฤต  เขาจะช่วยให้อันตราคนีไม่ต้องรับโทษ  แต่เธอไม่ยอมและปฏิเสธไป  อีกทั้งยังยืนยันที่จะทำพิธีฝังศพให้พลนิกฤตและพร้อมที่จะให้คีรีธรลงโทษ  ระหว่างนั้นหัสมณี ได้เข้ามาและบอกว่าตนเลือกที่จะตายพร้อมกับอันตราคนี  แต่อันตราคนีบอกว่าตนเองจะตายคนเดียวและให้หัสมณีเลือกเพื่อจะมีชีวิตอยู่  อันตราคนีพูดจารุนแรงกับคีรีธร  เขาจึงสั่งลงโทษเธอ และให้ทหารนำตัวอันตราคนีไปขังไว้ก่อนเพื่อรอลงโทษ 
            อันตราคนีให้ทหารที่เฝ้าเธออยู่เขียนจดหมายถึงเหมาธรว่ากรุณายกโทษให้กับเธอด้วย   
เมื่ออันตราคนีถูกผลักเข้าไปภายในถ้ำและขณะที่ทหารยามกำลังจะเอาหินปิดปากถ้ำก็ได้ยินเสียงร้องของเหมาธรดังมาจากข้างใน  คีรีธรจึงสั่งให้เอาหินที่ปิดปากถ้ำออกและเขาเข้าไปในถ้ำ   
เห็นอันตราคนีแขวนคอตาย  ส่วนเหมาธรนั่งกอดศพอันตราคนี  เหมาธรมองคีรีธรด้วยสายตาเหยียดหยาม  ในมือถือดาบ  คีรีธรกระโดดหนี  เพราะคิดว่าเหมาธรจะฆ่าตน  แต่เหมาธรกลับใช้ดาบแทงตัวเองและล้มลงกอดอันตราคนี   คีรีธรจึงสั่งทหารให้นำร่างทั้งสองคนนอนเคียงคู่กัน
บนเตียงวิวาห์  อุรสิลกำลังนั่งเย็บผ้า  เมื่อทราบข่าวการตายของเหมาธรและอันตราคนีเธอจึงเร่ง
เย็บผ้าจนเสร็จแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อฆ่าตัวตาย   คีรีธรทราบข่าวการตายของอุรสิล   เขาเสียใจมาก  แต่ไม่สามารถทำอะไรได้  คีรีธรยังคงทำงานเพื่อดูแลความเรียบร้อยของบ้านเมืองต่อไป


ข้อความ/สิ่งที่ประทับใจ
          หน้า 77
          นี่หยุดสงสารหลานเสียทีเถอะ ทำหน้าที่ของลุงอย่างที่หลานทำหน้าที่ของหลาน  ถ้าลุงเป็นมนุษย์ ก็รีบทำหน้าที่ของลุงเสียเร็วๆ  อย่างที่หลานทำเพื่อศักดิ์ศรีของมนุษย์
            สะท้อนให้เห็นว่าการที่คนเราจะทำอะไร ต้องทำให้สำเร็จ เพื่อศักดิ์ศรีของมนุษย์อย่างแท้จริง
          


           หน้า 82
           “…เราต้องมีสิทธิเสรีภาพที่จะเลือกรับ สิ่งที่เราเห็นว่าถูกต้องและ ปฏิเสธ สิ่งที่ผิดที่ชั่ว... สั่งประหารหลานเสียเดี๋ยวนี้
          จากข้อความนี้ แสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยว และยึดมั่นในสิ่งที่เห็นว่าถูกต้อง


คุณค่าที่ได้รับ
         1.  ทำให้ผู้อ่านได้รู้หลักการใช้ชีวิตของมนุษย์  โดยมีอุดมการณ์เป็นของตนเอง เพราะเปรียบเสมือนพลังที่จะนำเราให้ไปพบความสำเร็จ  แต่ควรคำนึงว่าอุดมการณ์นั้นต้องเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ไม่ขัดต่อกฎระเบียบของบ้านเมือง  เพราะสุดท้ายแล้ว  การเรียกร้องบางสิ่งบางอย่างเพื่อตอบสนองอุดมการณ์ของตน อาจจะไม่สมปรารถนาเสมอไป  ตรงกันข้ามอาจจะเป็นสิ่งที่จะนำไปสู่ความหายนะได้  สุดท้ายคนที่เสียใจอาจจะไม่ใช่เราคนเดียวแต่รวมไปถึงคนที่เรารักด้วย
         2.  บุคคลที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตนเป็นบุคคลที่ควรยกย่องอย่างยิ่ง
         3.  เกียรติยศและศักดิ์ศรีของมนุษย์จะอยู่ที่เสรีภาพในการเลือกชีวิตและความตาย หรืออยู่ที่ความรับผิดชอบและการเสียสละ ทุกคนย่อมมีสิทธิที่จะเลือก ต่างคนก็ต่างมีเหตุผลและอุดมการณ์ของตัวเอง




บทวิเคราะห์เรื่องอันตราคนี
โดยประพาส  หมอกม่วง

            บทละครเรื่องอันตราคนี ผู้แต่งคือ มัทนี  รัตนิน สุชาวดี  ตัณฑวณิช ดัดแปลงมาจาก
บทละครฝรั่งเศส  ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมือง  อันตราคนีเป็นเด็กสาวที่ต้องการเสรีภาพของความเป็นตนเอง มีเสรีภาพทางความคิด และอุดมการณ์เพื่อความถูกต้องอาจารย์มัทนี  
รัตนิน  และ อาจารย์สุชาวดี  ตัณฑวณิช ได้นำมาจัดแสดงเป็นละครเวที เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังวุ่นวายระหว่างฝ่ายขวา คือ ทหาร  กับฝ่ายซ้าย คือขบวนการต่อต้านของนักศึกษา  บทละครเรื่องนี้ตั้งชื่อเรื่องอย่างน่าสนใจ โดยใช้ชื่อของตัวเอกว่า  อันตราคนี  ผู้มีไฟไม่สิ้นสุด  ทำให้ผู้อ่านสนใจใคร่รู้ว่าเธอมีไฟในลักษณะใด เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ของบ้านเมืองอย่างไร

แก่นเรื่อง
            ผู้เขียนต้องการจะเน้นให้เห็นถึงคนที่มีอุดมคติตามแนวความคิดของตนเอง  เชื่อและบูชาอุดมคติของตนว่าดีและถูกต้องที่สุด  และคิดว่าในการกระทำจะได้รับผลตอบแทนคือสิ่งที่ตนต้องการ  แม้ว่าอุดมการณ์นั้นจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม  จึงเกิดความขัดแย้งขึ้นเพราะแต่ละคนย่อมมีอุดมการณ์ที่แตกต่างกันไป  อุดมการณ์ของคีรีธรอัครประธานแห่งนครธีปปุระต้องการให้บ้านเมืองสงบสุข  จึงยอมเสียสละความสุขส่วนตัว  ส่วนอันตราคนีเป็นตัวแทนของคนหนุ่มสาวที่มีพลังของอุดมคติ  บูชาอุดมการณ์ซึ่งหมายมั่นว่าจะได้มาซึ่งสิ่งที่ดีที่สุด  งดงามที่สุด  จะไม่ทำในสิ่งที่คิดว่าผิด หรือสิ่งที่ตัวไม่ต้องการ หากไม่ได้ตามที่ต้องการก็ขอไม่แตะต้องสิ่งนั้นเลย  หรือยอมตายเสียดีกว่าที่จะให้อุดมการณ์แปดเปื้อน  ไม่ต้องการแม้การประนีประนอม  ฉันจะไม่ยอมลดหย่อนต่อรองอะไรทั้งสิ้น  ถ้าไม่ได้ทั้งหมดก็ไม่เอามันเลย  อย่ามีชีวิตอยู่มันต่อไป  ฉันไม่ต้องการอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ


 โครงเรื่อง
           อันตราคนี เป็นบทละครพูดที่เน้นอุดมการณ์อันแน่วแน่  ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของนางเอกเรื่องอันตราคนี มีการเปิดเรื่องด้วยการบรรยายฉากเป็นเวที มีการแนะนำตัวละครและบอกถึงความสัมพันธ์ของตัวละคร  เรื่องอันตราคนีสร้างปมปัญหาขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์  ระหว่างคีรีธรอัครประธานและอันตราคนี
          ความขัดแย้งเกิดขึ้นเมื่ออุดมการณ์ของอันตราคนีขัดแย้งกับฝ่ายบริหารประเทศ  ผู้เข้าใจ
ถึงความจริงในชีวิตว่าคนเราก็ต้องสละอุดมการณ์เพื่อความอยู่รอด  คีรีธรมองว่าโลกนี้สับสน
น่าสมเพชเกินกว่าที่จะคิดมักใหญ่ใฝ่สูง  เขายอมรับแอกของการเป็นผู้นำประเทศโดยไม่หวัง
จะเป็นใหญ่  หรือหวังมีชื่อเสียง  แต่ถือเป็นหน้าที่ที่พึงกระทำ  แม้จะถูกประณามว่าเป็นงานสกปรก
ทั้ง ๆ ที่สิ่งอื่นในชีวิตที่เขาต้องการมากกว่านี้  เขารู้ว่า  ความสุขในชีวิตคือการมีครอบครัว มีลูก
มีบ้านที่สงบสุข  มีเวลาพักผ่อนอยู่กับลูกหลาน  แต่อันตราคนีไม่ได้ยินเสียงของคีรีธรเสียแล้ว 
เธอยึดมั่นที่จะทำหน้าที่ของตนให้ได้ คือการฝังศพพี่ชายของเธอ โดยที่ไม่สนใจว่าผลของ
การกระทำจะเป็นเช่นไร   เธอจึงตัดสินใจฝังศพพี่ชาย จึงเป็นเหตุให้ทั้งสองเกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง  สุดท้ายผลของการขัดแย้งคืออันตราคนีต้องยอมสละชีวิตโดยการผูกคอตาย  เรื่องจึงจบแบบโศกนาฏกรรม

 กลวิธีการแต่ง
         กลวิธีในการดำเนินเรื่องนั้นจะดำเนินเรื่องตามปฏิทิน  ใช้บุรุษที่หนึ่ง ซึ่งตัวละครสำคัญในเรื่องเป็นผู้เล่า  เริ่มตั้งแต่การเปิดเรื่องซึ่งสร้างความสนใจให้กับผู้อ่าน  โดยการบรรยายฉากละครเวทีและชื่อตัวละครแต่ละตัว  บอกถึงความสัมพันธ์และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพอสังเขป  มีการสนทนาโต้ตอบระหว่างตัวละคร คือ อันตราคนีและคีรีธร จากข้อความสนทนาของคนทั้งสองทำให้ผู้อ่านอยากทราบว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรต่อไป  ผู้เขียนค่อย ๆ สร้างปมปัญหาของเรื่องให้น่าตื่นเต้น
ด้วยการแทรกฉากอารมณ์ระหว่างอันตราคนีและคีรีธรพูดโต้เถียงอย่างรุนแรง  ต่างคนต่างต้องทำตามหน้าที่ของตน โดยอันตราคนีต้องการที่จะฝังศพพลนิกฤตพี่ชายของตนให้ได้  ซึ่งก็สวนทางกับของคีรีธรที่ต้องรักษากฎระเบียบไว้ไม่ยอมให้ใครเข้ามาฝังศพ  ผู้ที่กระทำผิดจะต้องได้รับโทษ แต่อันตราคนีก็ยังยืนยันจะทำตามอุดมการณ์ของตน  อันเป็นเหตุให้คีรีธรโกรธอย่างมากจึงนำตัวอันตราคนีไปลงโทษเรื่องนี้จึงจบด้วยโศกนาฏกรรม
       ผู้เขียนแสดงให้เห็นว่าแต่ละคนย่อมมีอุดมการณ์ของตนเอง  ใครจะมีความคิดแบบไหนเหมือนดังในเรื่องที่ผู้เขียนต้องการแสดงให้เห็นอุดมการณ์อันแน่วแน่ของอันตราคนี  ยึดถือศักดิ์ศรีและ
ความถูกต้องเป็นที่ตั้ง

ตัวละคร
         ตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ คือ อันตราคนี  คีรีธร  เหมาธร และหัสมณี ผู้เขียนได้บรรยายให้ผู้อ่านเห็นถึงลักษณะนิสัยของตัวละครอย่างชัดเจน  เช่น อันตราคนี ผู้อ่านติดตามอุดมการณ์ที่แตกต่างของเธอกับคีรีธร  ความดื้อรั้น ดังตอนที่เธอปะทะคารมกับคีรีธรลุงของเธอ 
มีการกระทบกระทั่งกันอย่างรุนแรง  เช่น  อันตราคนีพูดว่า เหมือนสัตว์รึ  ลุงคีรีธร ลุงเปรียบเทียบประชาชนที่ดีเป็นสัตว์รึ  ประเสริฐมากท่านอัครประธานแห่งสัตว์  นอกจากนั้นยังมีความรัก
ความอ่อนโยนและความกล้าหาญไม่กลัวสิ่งใด  แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต  เหมาธรชายหนุ่มผู้มีพลังศรัทธาในความรักอย่างแรงกล้า  ยอมสละชีวิตของตนเพื่อคนรัก คือเหมาธรตัดสินใจฆ่าตัวตายตามอันตราคนี  หรือตอน  เหมาธรพูดว่า  ตนนั้นไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้หากขาด
นางผู้เป็นที่รัก   อันตราคนีและเหมาธรเป็นคนที่มองโลกต่างมุมกับคีรีธร  เหมาธรมองว่าการเมืองเป็นเรื่องไร้สาระ สกปรกโสมม ตนไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว  ส่วนคีรีธรเขาต้องทำหน้าที่ปกครองประเทศให้อยู่รอดเพียงอย่างเดียว  ตัวละครอีกตัว คือ หัสมณีพี่สาวแสนสวยของอันตราคนี เธอเป็นคนน่ารัก อ่อนต่อโลก ไม่กล้าเผชิญกับความคิดที่แตกต่าง  ผู้เขียนได้สร้างตัวละครให้มีลักษณะสมจริง  ดังเช่น
        อันตราคนี  เป็นคนเด็ดเดี่ยว ดื้อรั้น เอาแต่ใจตนเอง เป็นผู้หญิงที่ยึดติดกับอุดมการณ์ของตัวเองมากและตัวเธอก็ไม่ต้องทำอะไรแบบครึ่งๆ กลาง ๆ เมื่อคิดจะทำสิ่งใดก็ต้องทำให้สำเร็จ  หากไม่สำเร็จก็ต้องยอมแลกด้วยชีวิต  ดังคำพูดที่สื่อให้เห็นว่าเธอเป็นคนเด็ดเดี่ยว เช่น สั่งประหารหลานเดี๋ยวนี้ และ หลานมาเพื่อปฏิเสธลุงและเพื่อจะตายเท่านั้น
         คีรีธร  อัครประธานเป็นชายสูงอายุ  ผมขาว  ร่างใหญ่  น่าเกรงขาม ใบหน้าดูท่าทาง
เหน็ดเหนื่อยเต็มไปด้วยริ้วรอยของความทุกข์   ความกังวล  คีรีธรต้องแบกภาระการปกครองประเทศ  ต้องควบคุมประชาชนให้อยู่ในกฎระเบียบและความสงบเรียบร้อย  อย่างในเรื่อง
ท่านเป็นประมุข ท่านต้องทำงานดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชน  คำพูดที่แสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวของคีรีธร  เอาตัวไป  มันต้องตาย และคำพูดที่เด็ดเดี่ยวแต่เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน  ลูกลืมอันตราคนีเสียเถอะลูกรัก
         หัสมณี เป็นหญิงที่มีรูปร่างหน้าตาดีและร่าเริง แต่ในใจลึก ๆ ก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว กังวลและเธอก็ชอบแต่งตัวด้วยชุดราตรีหรูหรา  สวยงาม แสดงให้เห็นว่าเธอชอบความสุขสบาย
การมีความสุขกับสิ่งสวยงามเหล่านี้  ส่วนความรู้สึกที่เธอหวาดกลัวและกังวลนั้น หล่อนได้พูดกับอันตราคนีว่า พี่นอนคิดทั้งคืน อันตราคนี  เธอรู้ไหม
         เหมาธร  เป็นลูกคีรีธรอัครประธานแห่งนครธีปปุระและเป็นคู่หมั้นของอันตราคนี เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ ร่าเริง ชอบเต้นรำ ชอบกีฬา ชอบการแข่งขัน แล้วก็ชอบเรื่องผู้หญิง และเป็นคนที่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว  อย่างในงานเลี้ยง คืนนั้น เหมาธรได้ขอเต้นรำกับหัสมณีทั้งคืน แต่ก่อนงานจะเลิก  เขาก็ผละออกจากหัสมณีแล้วขออันตราคนีแต่งงานอย่างกะทันหัน
        อุรสิล  เป็นภรรยาของคีรีธร เป็นคนมีคุณธรรมและเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา โดยคำพูด
ที่คีรีธรได้กล่าวชมเชยเธอว่า เธอเป็นคนดี  ชอบทำสวน  ทำขนม  เย็บเสื้อให้คนจน ภายในเรื่องเธอต้องเผชิญกับชะตากรรมแต่ผู้เดียว  อยู่อย่างโดดเดี่ยว  เพราะคีรีธรไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึก
ของเธอ
        มาณพ  เป็นคนรับใช้ที่สนิทของคีรีธร เขาเด็กเกินกว่าที่จะช่วยอะไรได้  มาณพจะต้องเผชิญชะตากรรมเช่นเดียวกับอุรสิล
        อสิทธกฤตและพลนิกฤต  เป็นพี่ชายของอันตราคนีและหัสมณี ทั้งสองเกิดการแย่งชิงตำแหน่งเป็นอัครประธาน โดยอสิทธกฤตไม่ยอมมอบอำนาจให้พลนิกฤตน้องชายจึงเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น  พลนิกฤตไปขอความช่วยเหลือทางทหารจากต่างประเทศ  แต่กลับแพ้สงคราม  ในวันสยองขวัญนั้นพี่น้องทั้งสองเข้าประหัตประหารกัน  และตายแหลกด้วยกันทั้งคู่อยู่นอกกำแพงเมือง  ศพของพลนิกฤตถูกสั่งห้ามไม่ให้ใครฝังโดยเด็ดขาด

 บทสนทนา
         บทสนทนาในเรื่องอันตราคนี  นอกจากจะดำเนินเรื่องให้ผู้อ่านเข้าใจเหตุการณ์รายละเอียดต่าง ๆ อย่างแจ่มแจ้งแล้ว  ยังแสดงบุคลิกลักษณะนิสัยและอารมณ์ของตัวละครอย่างชัดเจน เช่น
จากบทสนทนาตอนหนึ่งที่หัสมณีพูดกับอันตราคนีว่า อันตราคนีใช้เหตุผลบ้างซิ ถ้าเธอเป็นผู้ชาย
มีอุดมการณ์แล้วยอมตายเพื่ออุดมการณ์นั้นมันก็ดีอยู่  แต่นี่เธอเป็นผู้หญิงนะ  อันตราคนีตอบว่า อย่างกับฉันไม่รู้หรือว่าฉันเป็นผู้หญิง ก็เพราะเกิดมาเป็นผู้หญิงนี่ซิ  ฉันจึงนั่งสาปแช่งตัวเองมา
จนบัดนี้
         แสดงเสรีภาพทางความคิดระหว่างความคิดของหัสมณีกับอันตราคนี หรือตอนที่ คีรีธรพูดกับอันตราคนีว่า ตอนนี้บ้านเมืองกำลังฉิบหายวายวอด  ถึงต้องมีคนเสียสละสักคนมายอมรับเป็นกัปตันแกไม่เห็นหรือว่าเรือนี้เป็นเรือรั่วสักร้อยแห่งพันแห่ง  มันกำลังจะจมมิจมแหล่  ปัญหาอาชญากรรม  ความโง่  ความยากจน  มรสุมปะทะรอบด้านทั้งในและนอกประเทศ
แสดงถึงความขัดแย้งทางการเมืองและอุดมการณ์ของคีรีธรเพื่อพยายามให้อันตราคนีเข้าใจเกี่ยวกับการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนั้น
        จะเห็นได้ว่าบทสนทนาที่ยกมานี้ ผู้เขียนใช้ภาษาได้อย่างเหมาะสมกับลักษณะของตัวละครเป็นภาษาที่เรียบง่าย  เข้าใจชัดเจน  และเป็นไปตามยุคสมัย ความประณีตของภาษาก็แตกต่างกัน
ไปตามบทบาทของตัวละคร  บทสนทนาของคีรีธร  ผู้เขียนพิถีพิถันในการใช้ถ้อยคำ  อธิบายความ อย่างละเอียด  นับเป็นบทสนทนาที่เหมาะสมมาก

 ฉาก 
        เรื่องอันตราคนีผู้เขียนบรรยายฉากได้อย่างชัดเจน เนื่องจากใช้แสดงในละครเวทีจึงมีการบอก จุดตำแหน่งของตัวละคร ระบุเวลาและให้รายละเอียดเกี่ยวกับฉาก ทำให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพดังจะสังเกตได้จากเนื้อความที่ว่า ดนตรีแผ่วเบา  เป็นเวลาใกล้รุ่งท้องฟ้ายังมืดสนิท คงเหลือแสงไฟเรืองๆ บนเฉลียงแลบริเวณใกล้บันไดสลัวๆ ทุกคนในทำเนียบยังคงหลับใหล เสียงระฆังตี 5 ครั้ง พอสิ้นเสียงระฆังอันตราคนีวิ่งกระหืดกระหอบมือหิ้วรองเท้าผ่านผู้ชมเข้ามาทางด้านหน้าเวที
เธอวิ่งไปชะโงกที่ประตูซ้ายและวิ่งรวดเร็วไปที่ประตูขวา  เมื่อเห็นไม่มีใคร เธอก็วิ่งอย่างรวดเร็ว
ไปประตูซ้าย  แม่นมโผล่ออกมาทางด้านประตูนั้นพอดี  อันตราคนีสะดุ้งสุดตัว
        ฉากที่น่าตื่นเต้นของเนื้อเรื่อง  ต้องคอยลุ้นว่าตัวละครแต่ละตัวจะเป็นอย่างไร เรื่องจะเป็นแบบไหน  ซึ่งในเรื่องมีฉากที่น่าตื่นเต้น เช่น ตอนที่ทหารจับตัวอันตราคนีไป หรือจะเป็นตอนที่อันตราคนีจะฆ่าตัวตาย
        เรื่องนี้ผู้เขียนสามารถบรรยายฉากได้อย่างดีเยี่ยม เหมือนกับอยู่ในสถานการณ์จริง

บรรยากาศ
          ผู้เขียนใช้บรรยากาศในการสร้างความตื่นเต้นน่ากลัว  ความรู้สึกตึงเครียด  ผู้อ่านสามารถรับรู้ความรู้สึกของตัวละครได้  เช่น  ข้อความที่ว่า  ใช่  ต้องฝังทั้งเป็นในสุสาน  สุสานต่างเตียงวิวาห์ของฉันต้องอ้างว้างอยู่คนเดียว  เธอหนาวสะท้านและเอามือกอดอก  ทำให้ผู้อ่านได้รับบรรยากาศ
ของความโศกเศร้า  ความโดดเดี่ยว  หรือข้อความที่ว่า  ทหาร เอาตัวไป  เพราะมันเห็นว่าชีวิตและความสุขไม่ใช่สิ่งที่มันปรารถนา  มันต้องการจะทำอย่างเดียวคือ ปฏิเสธ  ชีวิตและตายเท่านั้น
ผู้อ่านจะได้รับบรรยากาศของความตื่นเต้น  และความน่ากลัว  ดังนั้นบรรยากาศก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรื่องดำเนินไปอย่างน่าติดตาม

ทัศนะของผู้เขียน
             ผู้เขียนได้แสดงทัศนะที่น่าสนใจหลายประการ คือ การแสดงทัศนะในเรื่องของเสรีภาพ
ทางความคิด  อุดมการณ์ที่ยึดมั่นของตัวละครเอก  ฝ่ายหนึ่งต้องทำหน้าที่เพื่อรักษากฎหมายและ
ความสงบสุขของบ้านเมืองให้ดีที่สุด  อีกฝ่ายบูชาอุดมการณ์แม้จะต้องตาย  ผู้เขียนได้สอดแทรกคุณธรรมความเสียสละและความรักอันยิ่งใหญ่ 

น้ำเสียง 
          ผู้อ่านสามารถจับน้ำเสียงของผู้เขียนได้ว่าเป็นคนมีนิสัยหนักแน่น เห็นได้จากความเชื่อมั่น
ในอุดมคติของตัวละครเอก   นอกจากนี้ผู้เขียนยังเห็นความสำคัญของการเป็นผู้นำที่ดีอีกด้วย  
         สรุปแล้วบทละครเรื่องอันตราคนีเป็นบทละครที่มีความสมบูรณ์ทั้งในเรื่องของการผูกปมปัญหา  การดำเนินเรื่องที่ชวนติดตาม  รวมไปถึงการบรรยายฉากและบรรยากาศที่ผู้แต่งสามารถสอดแทรกได้อย่างดีเยี่ยม  บทละครเรื่องอันตราคนีเป็นบทละครที่น่าอ่าน เพราะให้ทั้งแนวคิดและคุณค่าที่ควรแก่การศึกษาเป็นอย่างมาก




2 ความคิดเห็น: