เรื่องสั้น คนบนต้นไม้
นิคม รายยวา
เขายกแขนเสื้อเช็ดเหงื่อบนหน้าผากและแหงนดูนกตัวหนึ่งกำลังบินคาบเหยื่อตรงไปยังโพรงต้นไม้สูงชายป่า บริเวณนั้นเงียบสงัด ลมร้อนพัดเอื่อย ตะวันบ่ายแผดแสงระอุ
เขาออกจากบ้านแต่เช้าตรู่
ห่อข้าวกับปลาย่างด้วยใบตองสดเป็นอาหารกลางวันในป่า
เขาเดินหาโพรงนกมาตลอดทางจนรู้สึกเหนื่อยและคิดว่าถ้าวันนี้ได้นกอีกสักตัวหรือสองตัวก็จะกลับบ้าน
เขาเป็นชาวนาเช่นเดียวกับเพื่อนบ้านคนอื่นๆในหมู่บ้านนี้ เขามีนาผืนเล็กอยู่ผืนหนึ่ง มันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา เป็นเกราะคุ้มภัย เป็นที่อยู่ที่กิน ก่อนนี้เขาไม่ค่อยรู้สึกกังวลกับสิ่งใดเลย แต่ในระยะหลัง
ความเชื่อมั่นในตนเองของเขาค่อยๆ ลดลง
มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นโดยที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน บางปีน้ำท่วม
บางปีฝนแล้ง ข้าวที่เคยพอกินกลับขาดแคลน แรกๆก็ดูเป็นสิ่งแปลก แต่มันเกิดขึ้นบ่อย ต่อมาเคยชิน
เมื่อมีอาการเจ็บป่วยในครอบครัว
เขาก็มีหนี้สินเพิ่มพูน
เขาสองคนผัวเมียทำงานหนัก
บางปีพอข้าวดีพอจะเหลือขายแต่ราคาก็ตกลงมาก
ในช่วงเวลานั้นเขาจะออกรับจ้างตัดฟืนจากป่า บางทีก็เผาถ่านขาย
ขณะนี้เป็นช่วงปลายเดือนกรกฎาคมซึ่งฝนควรจะตกชุก แต่อากาศกลับแห้งแล้ง ทำให้ข้าวในนาของเขาเสียหาย เขาจึงต้องทำงานอื่นแทน
เขาเคยถูกจับครั้งหนึ่งเมื่อตำรวจพบเหล้าเถื่อนไหหนึ่งฝังอยู่ใต้ซุ้มไผ่ข้างบ้านของเขาทั้งๆที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย
และเหล้านั้นก็ไม่ใช่ของเขาด้วย
ต่อมาควายตัวเดียวที่มีอยู่ของเขาก็หายไปอีก เขาจึงต้องเช่าควายคนอื่นมาไถนา
“ไม่ต้องกลัว”
พ่อเฒ่าคนหนึ่งปลอบใจเขา “พวกคนเรามักจะเจอเรื่องเหมือนๆกันอย่างนี้แหละ ต่างก็เอาเปรียบกันและเบียดเบียนกัน”
“ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ”พ่อค้าเนื้อหมูคนหนึ่งพูด
“หมอควายนั่นไง เขามีหน้าที่ตรวจหมู พวกเราฆ่าหมูแต่ละวันจะต้องเตรียมเครื่องในกับเนื้อหลายพวงไปให้เขาตรวจที่บ้าน แล้วเมียเขาก็ทำหมูสะเต๊ะขายทุกวัน”
“ดูอย่างไอ้เปาซิ” พ่อเฒ่าพูด “มันไปขายของที่ตลิ่งต่ำ แล้วโดนจี้ตั้งหลายทีจนกลัว ไม่กล้าไปที่นั่นอีก ตอนหลังพวกนักจี้บอกว่า ยอมให้มันไปขายได้ มันจะจี้คนอื่นแทน แต่อ้ายเปาก็ไม่กล้าไป”
เมื่อวานนี้เขาพบเพื่อนคนหนึ่งที่มีอาชีพเร่รับซื้อหนังสัตว์ตามหมู่บ้านต่างๆ เขาต้องการ
ลูกนกสาลิกาหากหาได้จะให้ราคาดี
“มีคนถามซื้อมาก” เพื่อนเขาบอก “ต้องเอาตัวเล็กๆนะ
ถึงจะสอนให้พูดได้”
โพรงนกอยู่บนยอดไม้สูง เขาวางตะกร้าลงตรงโคนต้นไม้นั้น ในตะกร้ามีลูกนกสาลิกาตัวเล็กๆ อยู่สองตัว
ขนยังขึ้นไม่เต็ม
มันอ้าปากร้องเบาๆ ตรงรอบจงอยปากเป็นสีเหลืองสด ปีกที่มีแค่ติ่งเนื้อเปลือยชิ้นน้อยๆ นั้นขยับขึ้นลง ขาเล็กๆ สั่นเทา
เสื้อสีครามเปียกเหงื่อทั่วแผ่นหลัง เขากระชับผ้าขาวม้าเคียนเอวให้แน่น
แล้วปีนขึ้นต้นไม้สูงชะลูดนั้นพลางใช้มีดฟันลำต้น
บากให้เป็นขั้นบันไดขึ้นไปทีละขั้น
เสียงมีดสับเข้าไปในเปลือกไม้ดังเป็นจังหวะสะท้อนไปในอากาศ
แม่นกและพ่อนกชะโงกหัวออกมานอกโพรงแล้วบินออกไปด้วยความตกใจพร้อมกับส่งเสียงร้องกังวาน
เมื่อขึ้นได้ครึ่งต้น เขาพักเหนื่อย
มือทั้งสองโอบต้นไม้ไว้แน่น
เมื่อมองลงไปข้างล่างรู้สึกขาสั่น
เขาสูดลมเข้าปอดอย่างแรง
เหลียวมองรอบๆตัว
เมฆในปลายเดือนกรกฎาคมลอยเลื่อนเกลื่อนท้องฟ้า แต่ไม่มีทีท่าว่าฝนจะตกเลย ลมเย็นพัดโชย
เขาสดชื่นมาก
รู้สึกอยากจะเป็นนก
แล้วมาสร้างรังอยู่บนยอดไม้ ข้างบนนี้น่าสุขสบาย อิสระ
สะอาด ไม่เหมือนบนพื้นดินนั่น
มีแต่ฝุ่นผงและโคลนตม
เต็มไปด้วยพงหนามและเถาวัลย์
เสียงรถยนต์คันหนึ่งแล่นผ่านมาจากถนนสาย
หาดเสี้ยว-แม่เทิน
เขาใช้มีดบากขั้นบันไดต่อไป
พ่อนกและแม่นกบินฉวัดเฉวียนวนเวียนรอบตัวเขา พลางร้องเสียงดังด้วยความโกรธ แล้วถลาร่อนไปจับบนกิ่งไม้ต้นข้างๆ
เขาขึ้นไปนั่งเกือบถึงโพรงนก ลมพัดแรงจนใจหวิว ความพึงใจบางอย่างวูบขึ้น รู้สึกอิจฉานกที่ทำรังอยู่บนนี้ มันคงมีความสุขมาก เขาคิด
ไม่ต้องผูกพันกับเรื่องราวบนพื้นดิน
คนเราจะเป็นอย่างนี้ได้บ้างไหมนะ
เลิกเบียดเบียนกัน
อยู่อย่างรักใคร่
เห็นอกเห็นใจกัน เขาคิดถึงตัวเอง ไม่เคยคิดร้ายใคร มีแต่ถูกรังแก
บนพื้นดินช่างน่าเบื่อหน่าย
อยากหนีไปให้พ้น เขาสงสัยว่าถ้าเขาเป็นนกและขึ้นมาทำรังอยู่บนต้นไม้นี้
ปัญหาต่างๆยังจะติดตามมารบกวนได้ไหม เขาจะหนีพ้นหรือไม่หนอ
เขาสลัดหัวขับไล่ความคิดที่กำลังฟุ้งซ่าน แล้วปีนขึ้นจนถึงโพรง มีลูกนกตัวเล็กๆสามตัวอยู่ในนั้น เขารู้สึกหัวใจเต้นแรงขณะเอื้อมมือเข้าไป
แม่นกและพ่อนกร่อนถลาเข้ามาด้วยความโกรธ มันบินวนเวียนเหนือยอดไม้และส่งเสียงร้องดังสะท้านคล้ายหัวใจจะแตกสลาย
ที่มา : นิคม
รายยวา. คนบนต้นไม้ กรุงเทพฯ
อักษรการพิมพ์ 2541 หน้า 9-13
ตอนนี้หนูอยู่ปี2แล้ว อาจารย์ให้อ่านเรื่องคนบนต้นไม้ คิดถึงครูเลยค่ะ��
ตอบลบ1.ชื่อเรื่องสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องยังไง
ตอบลบ2.หาข้อขัดแย้งทั้งภายในและภายนอกของเรื่อง
3.วิเคราะห์ตัวละคร
ช่วยอธิบายหนูหน่อยคะ
��
ลบสนุกมากครับ
ตอบลบขอดูหีหน่อย
ตอบลบ