วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ก่อกองทราย

เรื่องสั้น ก่อกองทราย
ไพฑูรย์ ธัญญา



ลำน้ำนั้นไหลมาจากทิศตะวันตก  ทอดตัวเลื้อยเลี้ยวเข้าเขตหมู่บ้าน  แบ่งแผ่นดินออกเป็นสองส่วน  ฟากฝั่งสองข้างมีบ้านเรือนตั้งอยู่เป็นหย่อม ๆ  สลับกับสวนยางพาราและสวนผลไม้ริมคลองด้านหนึ่ง  มีทางเดินลาดลึกจนถึงหาดทรายใต้คุ้งน้ำที่หักโค้งเป็นข้อศอก  ลำน้ำยามแล้งตื้นเขิน  แต่สายน้ำยังคงเอื่อยรินสม่ำเสมอ  หลุมพอต้นใหญ่งอกง้ำชิดตลิ่ง  แผ่กิ่งก้านสาขาทอดเงาไปยาวไกล  ปกคลุมหาดทรายและลำน้ำช่วงนั้นด้วยเงาเย็นร่มรื่น
วันแล้ง  ร้อนอย่างร้ายกาจ  แผ่นดินระยิบระยับด้วยเปลวแดด  สวนยางพาราสลัดใบร่วงโปร่งโล่ง  เปลือยกิ่งก้านอาบแดดอยู่เคร่งขรึม  เงียบเหงา  ลมสงัด  ใบไม้ใบหญ้าไม่ไหวติง  มะพร้าวยอดด้วนยืนตายสงบงันเหนือฝั่ง  สรรพสิ่งเหมือนยอมสยบต่อฤทธิ์ร้ายของตะวันกล้าในยามเที่ยง
พวกเขามากันห้าคน  เดินนำหน้าเป็นเด็กชายตัวโตกว่าเพื่อนตามด้วยเพื่อนชายอีกสามเหลือรั้งท้ายเป็นเด็กหญิงตัวเล็กไม่สวมเสื้อ  แก้มของเธอแดงก่ำเพราะพิษแดด  พอๆ กับหัวไหล่และร่องหลังที่เปล่าเปลือย  ทั้งหมดย่ำย่างมาบนพื้นทางที่ปกคลุมด้วยใบยางแห้งเสียงดังสวบสาบ  เมื่อถึงปากทางลงท่าน้ำซึ่งสูงชัน  ก็ปล่อยตัวถลาร่อนลงอย่างรวดเร็ว  เด็กชายโห่ร้องขึ้นเสียงดัง  ก่อนจะพากันเข้าแอบร่มหลุมพอใหญ่  เหนื่อยหอบเหมือนหมาวิ่งตามพระ
น้ำใสจัง”  เด็กชายร่างเล็กพูดขึ้น
วันนี้เรามาถึงก่อนเพื่อน  ไอ้พวกนั้นยังไม่มา อีกคนว่า
ใช่  เราชนะมันวันนี้
เป็นไงแกน่ะ.....เหนื่อยซีท่า  เด็กชายหัวโตหันไปพูดกับเด็กหญิง  อยากตามมาดีนักบอกว่าร้อนก็ไม่เชื่อ  เสียงของเขาขุ่นขึ้ง
เด็กหญิงเบือนหน้าไปอีกทางหนึ่งเอาตีนถูทรายไปมาเป็นร่องลึก  เธอไว้ผมทรงหน้าม้าตัดเรียบเป็นสี่เหลี่ยมมุมฉากครอบหน้าผาก  ต่ำลงมาคือแนวคิ้วโค้งโก่ง  และขนตาเรียวงอนที่กระพริบถี่ดวงตาทั้งคู่กลมโตเป็นประกาย  มองดูแต่ไกลเหมือนตุ๊กตาตัวใหญ่ไม่สวมเสื้อ  ผิวของเธอสีเดียวกับเด็กผู้ชายคนโตนั้น


เล่นน้ำกันดีกว่า ใครคนหนึ่งว่า
วันนี้เล่นอะไรดีล่ะ มีเสียงขอความเห็น
เล่นดำปักกันเอาไหม คนโตพูด
เอาก็เอา
แล้วเด็กชายทั้งหมดก็รีบถอดเสื้อผ้าสลัดกองไว้บนเนินทรายเหลือตัวล่อนจ้อน  เด็กชายร่างเล็กออกวิ่งนำหน้าพุ่งโผนลงในน้ำดังตูมใหญ่  เพื่อน ๆ กระโดดตามไปติด ๆ
แกเล่นที่ตื้น ๆ นะ อย่าตามลงมาอีก  เดี๋ยวจมน้ำตาย เด็กชายคนโตหันมากำชับ  แล้ววิ่งกระโดดน้ำตามพรรคพวกไป  ทิ้งเด็กหญิงไว้บนหาดทรายเพียงลำพัง
พวกเด็กผู้ชายว่ายน้ำไปรวมกันอยู่กลางคลอง  ซึ่งมีความลึกแค่คอ  แต่ตรงที่ลึกที่สุดของลำน้ำช่วงนี้  คือวังวนเหนือหาดทรายใต้ต้นหลุมพอนั่นเอง  ที่ตรงนั้นเป็นคุ้งกว้าง  น้ำจึงไหลวนอ้อยอิ่งเหนือผิวน้ำขึ้นไปประมาณสองวา  มีหลุมพอกิ่งใหญ่ยื่นต่ำออกมาแผ่คลุม  มันอยู่กึ่งกลางของวังวนพอดี
เด็กชายคนโตว่ายน้ำตัดคลองไปอีกทางหนึ่ง  แล้วขึ้นไปหักกิ่งไม้เล็ก ๆ ติดมือกลับมา  เขาว่ายย้อนมาหาเพื่อน ๆ ที่รออยู่  พร้อมกับตะโกนบอกเสียงดัง
เล่นดำปักกันเลยนะ.....กูจะดำลงไปก่อน พูดจบก็ผลุบหายลงไปพร้อมกิ่งไม้ในมือ  สักครู่จึงโผล่พรวดขึ้นมา
เอาเลย....ใครแน่จริงหาให้พบ  เขาร้องบอกเป็นการเปิดเกม  คนอื่น ๆ รีบดำน้ำลงไปทันทีการเล่นดำปักจึงเริ่มขึ้นแต่บัดนั้น
สายน้ำเอื่อยริน  ใสจนแทบนับเม็ดกรวดทรายได้  เด็กหญิงเลื่อนตำแหน่งต่ำลงมาจนเท้าทั้งสองแช่อยู่ในน้ำ  มองดูเด็กชายเล่นน้ำปักดำกันอย่างหงอยเหงา  เวลาพวกนั้นว่ายน้ำพร้อม ๆ กันผิวน้ำกระเพื่อมหนุนตัวเข้าซัดฝั่งเป็นระลอก  พวกเขากำลังสนุกเต็มที่  เมื่อใครคนหนึ่งดำลงไปปักกิ่งไม้ซ่อนไว้ที่ก้นคลอง  คนอื่น ๆ จะดำลงไปค้นหาและถ้าใครดำพบแล้วถอนขึ้นมาได้ ก็มีสิทธิไล่ตีเพื่อน ๆ จากนั้นก็ดำลงไปปักซ่อนไว้อีก  ผุดดำผุดว่าย  จนตาแดงขุ่นเป็นสีเลือด
มีเสียงคึก ๆ ดังมาจากท่าลงน้ำ  เธอหันไปดูเห็นเด็กชายสี่คนวิ่งพุ่งมาอย่างแรงตามด้วยเสียงกู่ร้องเบิกบานใจ  พวกที่มาใหม่รีบถอดเสื้อผ้าลุกลี้ลุกลน  แล้ววิ่งไปสมทบกับพวกที่อยู่ในคลองเสียงดังตูมตาม  ผืนน้ำแตกกระจายพุ่งละอองขึ้นเป็นฟองฝอย  เพียงอึดใจลำคลองสายนั้นก็ส่ำสลอนไปด้วยเด็กชายตัวเปล่าเปลือย


เด็กหญิงยังนั่งอยู่ที่เดิม  คอยกวาดทรายเข้าหาตัวแล้วพูนตะล่อมขึ้นเป็นคันยาวต่อกันสี่ด้านในรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ฉันจะทำบ้าน....  เธอพูดกับตัวเอง  แววตาเป็นประกายเฟื่องฝันในขณะกวาดทรายเข้ามาเพิ่ม  ทรายเปียกน้ำสะดวกต่อการตบแต่ง  ไม่นานนักเธอก็ถูกล้อมด้วยทรายที่พูนขึ้นเป็นรูปตาราง  มองดูเหมือนนาแปลงเล็ก ๆ ที่มีแนวทรายเป็นขอบคัน
ตรงนี้ห้องนอน  เธอพูดขึ้นอีก  แล้วพูนทรายขึ้นเป็นคันใหม่แบ่งตารางใหญ่ออกสองส่วน ตรงนี้เป็นห้องครัว....นั่นห้องพ่อกับแม่....
เมื่อกำหนดว่าตรงไหนเป็นห้อง  เด็กหญิงจะพูนทรายให้เป็นคันสูงขึ้น สมมุติว่าคือฝากั้นเธอทำอย่างนี้เรื่อย ๆ จนได้ห้องเล็ก ๆ สามห้อง  เสร็จแล้วจึงค่อย ๆ ถอยออกมานั่งยอง ๆ จ้องมองสิ่งที่เพียรก่อสร้างอย่างจุใจ
มือและเท้าของเด็กหญิงเปรอะด้วยเม็ดทรายเปียกน้ำ  ในซอกเล็บมีดินทรายเข้าไปอัดแน่นเป็นแนวดำ  เธอเอียงคอไปมา  ปั้นปากเครียดเหมือนนายช่างซึ่งกำลังจ้องมองอาคารในระหว่าง
การก่อสร้าง  ตรงไหนที่เห็นว่ายังไม่ชอบใจ เธอก็เข้าไปเสริมแต่ง  กระถดไปมาอยู่พักหนึ่ง  จึงหันไปทางกลุ่มเด็กผู้ชายอีกที
อยู่นี่ ๆ ไม้อยู่นี่...  เธอเห็นเด็กชายคนหนึ่งชูกิ่งไม้ขึ้นเหนือหัว  แล้วดำหายลงไปในน้ำเด็กหญิงกลับมามองบ้านดินทรายอีกครั้ง  แล้วยิ้มขึ้นอย่างตื่นเต้น
ฉันจะปลูกต้นไม้ด้วย  เธอว่า  พร้อมกับวิ่งออกไปยังแนวป่าชายหาด  หักกิ่งไม้ติดมือมาสองสามกิ่ง  มีดอกเข็มป่าสีแดงอยู่ด้วยสามดอก
ตรงนี้ต้นมะม่วง เธอพูดขึ้นเมื่อปักกิ่งไม้ลงบนพื้นทรายชิดแนวคันดิน ตรงนี้ต้นกระท้อน เธอปักกิ่งไม้ลงไปอีกหนึ่ง  ตรงนี้ต้นอะไรดีนะ...อ้อ....ปลูกต้นทุเรียนดีกว่า...  ว่าแล้วเธอก็ปักลงไปอีกในมือเหลือเพียงดอกเข็มป่าสีสดใส
ตรงนี้หน้าบ้าน เธอว่า  พร้อมกับกวาดทรายจนเรียบ  หน้าบ้านจะต้องปลูกดอกไม้...ฉันจะปลูกดอกไม้เงาะสีแดงนี่
ดอกเข็มป่าที่มีกิ่งติดอยู่ด้วยถูกปักลงเป็นแถวในบริเวณนั้น   ตอนนี้บ้านบนพื้นทรายของเธอจึงมีพุ่มไม้เขียวแดงขึ้นเป็นหย่อม ๆ เด็กหญิงกระโดดเข้าไปนั่งในช่องสี่เหลี่ยมอีกที  พร้อมกับปรบมือเบา ๆ
สวยจัง ๆ เธอพูดอย่างดีใจ
ตะวันเที่ยงลอยคว้างตรงหัว  เงาหลุมพอจึงหดสั้นเข้ามาทุกที  เด็กผู้ชายที่เล่นดำปักเริ่มแตกกลุ่มออกมาข้างนอก  แต่ละคนมือเท้าซีดเซียว  ปากเขียวเหมือนยอดหวายลิง


เด็กชายท่าทางซุกซนที่มากับกลุ่มหลังวิ่งขึ้นบนหาด  ผ่านบ้านดินทรายของเด็กหญิงอย่างหมิ่นเหม่  เจ้าของบ้านตกใจร้องลั่น
อย่าเหยียบ.....นี่บ้านฉัน
ไหน  ไหน.....บ้านอะไร  นั่นมันทรายต่างหาก เขาหยุดชะงัก
ดอกไม้สวยจัง  ขอดอกสิ...  เด็กชายเข้ามาใกล้  กระชากเข็มป่าติดมือไปอย่างรวดเร็วเด็กหญิงลุกพรวดออกจากช่องสี่เหลี่ยม
อย่าเอาไป....ดอกไม้ของฉัน..เอามานี่ ๆ
เด็กชายวิ่งวนไปรอบ ๆ บ้านดินทราย  ยื่นดอกไม้แกว่งไกวหลอกล่อ  แยกเขี้ยวยิงฟันเหมือนลูกลิง
อยู่นี่ ๆ มาเอาซี เขาร้องท้า  แล้ววิ่งข้ามแนวทรายไปมา  เด็กหญิงร้องลั่นเมื่อเห็นบ้านดินทรายของเธอราบเรียบกับรอยตีน
ไอ้บ้า.... แกล้งฉันทำไม เธอแทบร้องไห้  หันรีหันขวางด้วยความขุ่นเคือง
ไล่ให้ทันซิ...ไล่ให้ทัน  จะให้มันสิบขวด  ให้หนวดสิบเส้น เด็กชายยังร้องยั่ว  แล้ววิ่งลงน้ำฉีกดอกไม้สีแดงยับเยิน  ก่อนจะขว้างทิ้งให้ลอยไปตามน้ำไหล
เด็กหญิงทรุดนั่งนบผืนทราย  น้ำตาไหลซึม  เธอมองดูบ้านดินทรายที่พังราบ  เพราะรอยเท้าด้วยความเสียดาย  ดอกเข็มป่าที่เหลือจมทรายเสียเกือบมิด  เธอค่อย ๆ ดึงขึ้นมาอย่างทะนุถนอมปัดทรายออกเบา ๆ
ทำใหม่อีกก็ได้  เธอบอกตัวเอง  แล้วเริ่มต้นคุ้ยทรายขึ้นมาใหม่  ครั้งนี้เปลี่ยนจากที่เดิมมาเป็นริมน้ำ  เด็กหญิงคุ้ยทรายจากใต้น้ำขึ้นมากองจนท่วมขา  ขณะขมวดคิ้วครุ่นคิด
ทำเจดีย์ดีกว่า......  เธอคิดได้แล้ว  และรีบตะล่อมทรายขึ้นเป็นทรงสูง  ใช้มือตบแต่งอย่างระมัดระวัง  เม็ดทรายเปียกน้ำเกาะตัวกันแน่น  เด็กหญิงพยายามโปะแปะจนกลายเป็นรูปเจดีย์เล็ก ๆ มียอดเรียวแหลม
เหมือนเจดีย์ในวัดเลย...เหมือนจริง ๆ  เธอชื่นชมกับผลงานชิ้นใหม่  จากนั้นก็เริ่มก่อกองทรายให้เป็นรูปทรงเดียวกันอีกกองหนึ่ง
เด็กชายกลุ่มนั้นวิ่งทะยานขึ้นจากน้ำดังฉ่าฉาว  ผิวน้ำกระเพื่อมม้วนตัวเป็นคลื่นใหญ่ทบทยอยเข้าหาฝั่งติด ๆ กัน  มันซัดเซาะกองทรายรูปเจดีย์ของเด็กหญิงจนเว้าแหว่ง  และหนุนเนื่องเข้าซ้ำเติมจนกองทรายน้อย ๆ ทลายราบ



พังอีกแล้ว  เด็กหญิงร้องลั่น  มองตามเด็กผู้ชายที่มุ่งหน้าไปทางวังน้ำวน  เด็กชายตัวโตที่ชอบดุเธอวิ่งนำหน้า  เขาพาพวกไต่ขึ้นไปบนกิ่งหลุมพอเป็นพรวน  ปากก็ร้องเรียกดังลั่น
ใคร่แน่จริงขึ้นมาเลย....มาโดดน้ำกันดีกว่า...
พวกที่อยู่ข้างล่างก็วิ่งตามขึ้นไปอีก  ต่อแถวกันเป็นพรวนเหมือนฝูงลิง  กิ่งหลุมพอโน้มต่ำเรี่ยผิวน้ำเพราะความหนัก  มันแกว่งไกวไปมาจนน่ากลัว
นึง  ส่อง  ส้าม... เด็กชายตัวโตนับขึ้น  พอสิ้นเสียงนับก็ทิ้งตัวลงในน้ำดังตูม  ผืนน้ำราบเรียบถูกกระแทกแตกกระจายเป็นฟองพราย  พร้อม ๆ กับที่กิ่งไม้สะบัดเหวี่ยงอย่างแรง  กวาดพวกเด็ก ๆ ที่เหลือให้ร่วงตามลงมาขี่คอกันชุลมุน  วังวนปั่นป่วนแทบจะเป็นตม
เด็กหญิงเลิกสนใจเด็กพวกนั้นอีกต่อไป  เธอหันมาคุ้ยทรายขึ้นมาใหม่  แล้วลงมือก่อเป็นรูปเจดีย์อีก  ริ้วคลื่นที่โหมกระหน่ำมาไม่ยั้งหยุดทำให้เธอไม่อาจก่อขึ้นได้ง่าย ๆ กระนั้นเด็กหญิงก็ไม่สิ้นความพยายาม
ทำอะไรน่ะ  เสียงถามดังจากที่ใกล้ ๆ เธอเงยหน้าขึ้น  พบเด็กชายร่างเล็กที่มาด้วยกันยืนจ้องด้วยความสงสัย
ทำไมไม่ไปเล่นน้ำกับพวกนั้น เด็กหญิงถาม  แล้วก้มหน้าก่อกองทรายต่อ
น้ำลึก  ไม่กล้าเล่น  เด็กชายตอบ  เขาทรุดนั่งมองดูเด็กหญิงอย่างสนใจ
แกจะทำอะไร  เห็นทำอยู่นานแล้ว  เขาถามอีก
ทำเจดีย์  เด็กหญิงพูด  เธอกำลังแต่งยอดเจดีย์ทรายให้เรียวแหลม  แต่แล้วคลื่นใหญ่จากวังวนก็โถมเข้าเซาะจนแหว่งไปอีกด้าน
พังหมดแล้ว  เด็กชายว่า
ไม่หมด เด็กหญิงพูด มันยังอยู่
เดี๋ยวมันก็พังอีก เด็กชายขยับเข้ามาอีกนิด
เด็กหญิงไม่พูดอะไร  แต่ย้ายที่นั่งจากหาดทรายลงไปในน้ำ  เธอนั่งหันหน้าเข้าหาฝั่งกางขาออกคร่อมกองทรายไว้  คราวนี้เธอก่อมันได้สะดวกขึ้นเพราะมีตัวเองเป็นเครื่องกำบังคลื่น
กลุ่มเด็กที่ปืนขึ้นบนกิ่งหลุมพอกระโดดน้ำถี่แรง  เกมนี้พวกเขาสนุกกันสุดเหวี่ยง  วังวนยิ่งกระฉอกไหวปั่นป่วน  ก่อคลื่นเข้าซัดฝั่งระลอกแล้วระลอกเล่า  เด็กหญิงยังไม่สิ้นความตั้งใจแม้ว่าเจดีย์ทรายของเธอต้องพังลงไปหลายครั้ง  หากแต่เร่งมือหนักขึ้น
พังอีกแล้ว...พังหมดเลย  เด็กชายพูดอีก  เมื่อเจดีย์น้อยลูกคลื่นกวาดลงราบเรียบ
ไม่หมด  เด็กหญิงยืนยัน


อะไรกัน...ทรายไปหมดแล้วยังไม่พัง  เด็กชายไม่เข้าใจ
ทรายยังไม่หมด  มันยังอยู่ เด็กหญิงย้ำ
บอกว่าหมดแล้ว...มันไหลไปหมดแล้วเห็นไหม
ไม่จริง  เด็กหญิงเถียง  เธอคุ้ยทรายขึ้นมาอีก
ทรายยังอยู่เห็นไหมนี่... เธอกอบทรายให้ดู  เขาบอกว่ามันมากับน้ำ ทรายมากับน้ำทุกวัน  มันไม่เคยหมด  เราต้องก่อขึ้นใหม่...  เธอพูดอย่างมั่นใจ
แล้วก็พังอีก  ก็พวกนั้นยังเล่นน้ำอยู่นี่  เดี๋ยวคลื่นก็มาอีก
เราก็ก่อขึ้นอีก  ถ้าเราก่อให้กองใหญ่และสูงเท่าเจดีย์ที่ในวัดมันก็ไม่พัง  คลื่นมาก็ไม่พัง  ถึงพังก็ไม่หมด เด็กหญิงพูด  นัยน์ตาเปล่งประกาย
ทำให้กองใหญ่....  เด็กชายร่างเล็กทวนคำ  เขาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น
เออ...จริง  ถ้าเราทำให้สูงเท่าเจดีย์ในวัดมันก็ไม่พัง  เขาพยักหน้าหงึก ๆ แล้วก้มลงขุดทรายบ้าง  มือของเขาใหญ่และแข็งแรงกว่าจึงคุ้ยทรายได้ทีละมาก ๆ
เราทำให้มันสูงเท่าเจดีย์เลยนะ
ฮืมม์... เด็กหญิงพยักหน้า แล้วฉันจะเอาดอกไม้เงาะสีแดงไปเสียบที่ยอดของมันด้วย น้ำเสียงของเธอตื่นเต้น  แล้วทั้งสองก็หัวเราะขึ้นพร้อมกันดัง ๆ
ลำน้ำยังไหลเรื่อยริน  กลุ่มเด็กชายยังไม่เลิกเล่นกระโดดน้ำ  ตะวันเที่ยงทรงกลดร้อนแรงอยู่บนฟ้า  สาดแสงอาบท้องน้ำเป็นประกายเจิดจ้า  และริมหาดทรายนั้นเด็กสองคนกำลังเร่งก่อกองทรายเป็นการใหญ่.....

  
ที่มา  ไพฑูรย์  ธัญญา (นามแฝง) ก่อกองทราย  พิมพ์ครั้งที่ 16 กรุงเทพฯ : นาคร   2533.

5 ความคิดเห็น: