วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อัตตาธิปไตย


เรื่องสั้น  อัตตาธิปไตย


คุณเคยฟังแล้วหรือยังครับ  เพลงลูกทุ่ง  เพลิน  พรมแดนเป็นผู้ร้อง  ที่ดังมากจนกระทั่งถูกสั่งห้ามออกอากาศเฉียดวันเลือกตั้ง  ก็เพลงนั้นแหละครับ  วุ้ยน่าร้าก น่ารัก  ผมฟังหลายสิบหนแล้วเจอตู้เพลงที่ไหนก็หยอด ๆ ฟัง แล้วหัวร่อหุบปากไม่ลงเกิดความรักชาติศาสน์กษัตริย์อยากไปเลือกตั้งขึ้นมาตงิด ๆ  แต่จะเลือกพรรคไหนก็ยังไม่บอกนะครับ  ต้องขอพิจารณาดูก่อน  ก็ท่านบอกให้เลือกพรรค  แต่แต่ละพรรคของท่านนั้นมีแต่คนแย่ ๆ ทั้งนั้น  กลั้นใจก็แล้วหลับตาก็แล้วก็ยังเลือกไม่ลง  อยู่บ้านนอกอย่างนี้รู้ประวัติความเป็นมากันละเอียดลออครับ  ไม่มีความลับในเมืองเล็กหรอก  ผมจะบอกให้  เพราะฉะนั้นตามต่างจังหวัดเขาถึงไม่เห็นพรรคเป็นเรื่องสำคัญ
คนดีแล้ว  อยู่พรรคไหน ๆ ก็ดีว่ะ  เขาว่ากันยังงี้
                แต่คนเลว ๆ ไปอยู่พรรครวมยังไงมันก็ชั่วจนได้  ข้าเลือกคนดีกว่า
                เห็นจะเปลี่ยนใจคนชนบทยากอยู่สักหน่อยละครับที่จะให้เขาใช้ระบบพรรคนั่นน่ะ  ก็พรรคมีตั้ง 100 พรรค  1,000 พรรค  ไม่ใช่มีแค่ 4 ซ้า 5 พรรคอย่างทำสังฆัง  หิดสังคม  ประชาซิปัด  สตังค์ใหม่หรือกระเฉดสังคมเมื่อไหร่  จำแต่ชื่อยังจำไม่หมดเลยครับคนชนบทเขาเลือกแต่คนที่เขาแน่ใจว่าดี  บางทีเลือกแล้วอยู่พรรคไหนยังไม่รู้เลยก็มี
                กูไม่เห็นจะสน เขาว่ายังงี้ครับ
                ยิ่งใกล้ ฤดูกาลเลือกตั้ง  การสนทนาของแนวร่วมสุรานิยมของพวกเราชาวเขื่อนกิ่วลมก็มีแต่เรื่องการบ้านการเมืองถกเถียงสลับกับเสียงเพลงลูกทุ่งยอดฮิตที่ใครไม่รู้ซื้อแผ่นเสียงมาแล้วก็
ชอบเปิดนัก
                คุณต้องเคยได้ฟังบ้างแล้วแน่ ๆ ก่อนที่จะถูกห้ามออกอากาศผมไม่ต้องบอกเนื้อก็ได้นะครับ
                ฟังกันไปก็ร้องตามกันไปจนคอแหบคอแห้งเปลืองเหล้าชะมัด
                เอ็งจะเลือกพรรคไหนวะ  เป๋ง นิยมถามผมในวันหนึ่ง
                หิดสังคม  ผมตอบอย่างแน่ใจ
                อ๊ะ ทำไมเลือกวะ  ถามจริง ๆ
                ข้าชอบคำขวัญของเขา เราพูดอย่างทำอย่าง น่ะ
                ข้าชอบคำขวัญของพรรคทำสังฆังเป็นบ้า เขาว่า  ด้านได้อายอด ว่ะ ธนาหัวเราะชอบใจ
             ข้าชอบพรรคชาดไอ  เขาขึงขังแบบทหารดีแท้ ๆ รวมกันเราอยู่  แยกกันมึงตาย ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ เอิ๊ก สมคะเนหัวเราะหัวใคร่    แต่พิรุณกลับถอนใจยาว  สีหน้าทุกข์ร้อน
                แต่ข้าไม่อยากเลือกใครเลยบอกตรง ๆ มันเซ็งว่ะ  ข้าว่าชาวบ้านไม่ค่อยจะรู้เท่าไหร่ว่าเขาควรเลือกใคร  เท่าที่เห็น ๆ นั้นมีมากเหลือเกินที่เลือกตามผู้ใหญ่บ้านสั่ง  นี่พูดกันตามหมู่บ้านจริง ๆ นะ  แก่บ้าน (ผู้ใหญ่บ้าน)  ว่าใครดีก็เลือกคนนั้น  ผู้แทนคนไหนได้แก่บ้านเป็นหัวหน้าคะแนนได้  ก็แปลว่าได้เสียงคนตั้งครึ่งค่อนหมู่บ้าน  บางทีชาวบ้านก็เลือกคนที่เขาแจกเงินน่ะแหละ  มีคนยืนดักตรงปากทางจะเข้าไปถึงศาลาเลือกผู้แทน  คอยแจก  3  บาท  5  บาท  บอกว่าลุงเลือกเบอร์ 5 น่ะ พ่ออุ้ยแม่อุ้ย  (พ่อเฒ่าแม่เฒ่า)  เลือกเบอร์ 3  เบอร์  7  นะ  แกรับเงินเขาแล้วก็ไปเลือกตามเขาสั่ง  คนบ้านนอกซื่อสัตย์เอ็งก็รู้  เพราะฉะนั้นผู้แทนถึงมักจะไม่ใช่คนดีที่สุดในหมู่ผู้สมัคร  แต่เป็นคนรวยที่สุด  ไม่ก็คนมีอิทธิพลที่สุด  เป็นงั้นไปเพื่อนเอ๊ย
                นี่ซิประชาชนถึงได้ไม่รู้จักประชาธิปไตยที่แท้จริงเสียที  เพราะไม่เคยมีใครไปสอนหรือให้ความรู้เขา  มีแต่ไปสั่งว่าต้องทำยังงี้นะ  ยังงี้นะถึงจะเรียกว่าประชาธิปไตย  แกก็ทำ  แต่ทำไปตามประสาแก  นิยมบ่น ผลก็คือ  ประชาธิปไตยคือการที่ชาวบ้านเที่ยวได้เดินขบวนร้องว่ามั่งฮี  ขออภิสิทธิ์ผมมั่งฮี  เราเป็นประชาธิปไตยแล้วอย่ามีอภิสิทธิ์เสียคนเดียวซิพวก  เฮ้อ
                พูด ๆ กันวันนั้นแล้วผมก็อดนึกถึงประชาธิปไตยที่บ้านแม่ล้มเขตของผู้ใหญ่เกือกแกไม่ได้
                ตอนนั้นเราเพิ่งมาอยู่เขื่อนกิ่วลมกันใหม่ ๆ พอเกิดเป็นชุมชนใหญ่ขึ้น  มีสถานพยาบาล  มี สถานีตำรวจย่อยและมีตลาดผู้คนที่อยู่ลึก ๆ ในป่าก็ออกมาซื้อข้าวซื้อของและสมัครเป็นคนงานที่เขื่อน  เราก็เลยได้รู้ว่านอกจากหมู่บ้านใหญ่นอก ๆ ออกมาอย่างบ้านแลง  บ้านหาดเชี่ยว  บ้านเมืองมายและบ้านบุญนากแล้วลึกเข้าไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ ในป่าอีกหลายหมู่  อย่างบ้านแม่ล้ม  บ้านแตะ  บ้านจ้อย  และบ้านยางในกับบ้านยางกลางซึ่งมีพวกแม้วทำไร่อยู่
                ทำไมถึงชื่อแม่ล้ม  ผมกังขา
                มึงอยากจะให้พ่อล้มมั่งละซิ  ชคส.ด่าดักหน้าไว้ก่อนตามประสาคนขี้ด่า  ไอ้เป๋งนี่ขี้สงสัย
                ก็น่าสงสัยจริง ๆ นี่ครับ  เมืองเหนือนี่พิลึกอะไร ๆ ก็แม่ทั้งนั้นไม่ยักมีพ่อขึ้นหน้ามั่ง  แม่วัง  แม่ปิง  แม่ตุ๋ย  แม่มาย   แม่สาย  แม่ลาว  จนอยู่ตั้งนานผมถึงได้รู้ว่าแม่นั้นแปลว่าแม่น้ำครับ  ผู้หญิง
นะแปลกจัง  ประเทศก็ใช้สรรพนามเพศหญิง  แม่น้ำก็ด้วย  เรือก็ด้วย  แล้วยังอะไรต่ออะไรอีกตั้งแยะ  ยัง  ยังไม่พอเสียทีเดินขบวนเรียกร้องสิทธิจะเอาโน่นเอานี่  เออ  แปลก  ทีผู้ชายเขาไม่เห็นเดินขบวนจะขอเป็นช้างเท้าหลังกันมั่งเลย  ผู้หญิงเดินขบวนจะเป็นช้างเท้าหน้าอยู่ได้แปลกพิลึก
             เมื่อผมพบกับผู้ใหญ่เกือกหนแรกนั้นผมไถลเข้าไปเที่ยวกับพวกสำรวจของกรมน้ำซึ่งจะเข้าไปดูพื้นที่ที่จะถูกน้ำท่วมเพราะอ่างเก็บน้ำเขื่อนกิ่วลม  ช.ม.ร.  หรือนายช่างหัวหน้าหมวดสำรวจ
กิ่วลม  คือเทิดพงศ์กับผมนั้นสนิทกัน  แต่ก่อนผมเคยเรียกตำแหน่งเขาแต่เขาขอร้อง
                อย่าเรียกเลย  เรียกช.ม.ร.  ช.ม.ร.แล้วคิดถึง  ช.ม.ก.- ชั่วเมื่อแก่ทุกที  เรียกชื่อดีกว่า
                เราตามพวกสำรวจเขาไปเที่ยวงั้น ๆ เอง  ไม่มีจุดหมายจะไปไหน  พอดีไปพบผู้ใหญ่เกือกเข้ากลางทางผมจำชื่อแกไม่ได้  นึกออกแต่แกมีชื่อประหลาด ๆ ก็เลยยึดที่สูงเข้าไว้ก่อน
                สวัสดีครับ  ผู้ใหญ่หมวก
                แกสะดุ้ง  ทำหน้าปั้นยาก
                แฮ่ะ  แฮ่ะ  ผมชื่อเกือกน่ะนายช่าง
                นี่ถ้าแกชื่อหมวกแล้วผมเรียกผิดเป็นเกือกคงถูกเตะแน่  ดีแต่เรียกต่ำผิดเป็นสูงเลยรอดตัวไป
                ผู้ใหญ่เกือกเป็นคนทันสมัย  เดิมเคยเป็นเสมียนอยู่ศาลากลางต่อมาพ่อตายจึงออกมาปกครองไร่นาทรัพย์สมบัติ  เคยได้เป็นกำนันตำบลเมืองมายอยู่ 2-3 ปี  พอดีเขายุบตำบลเมืองมายเป็นแค่หมู่บ้าน  ผู้ใหญ่เกือกอายคน  กลัวเขาจะคิดว่ามีความผิดเลยลาออกไปเป็นราษฎรเต็มขั้น  แต่เป็นอยู่ไม่นานทางการตั้งหมู่บ้านแม่ล้มขึ้น  นายอำเภอมาขอร้องให้ไปช่วยเป็นผู้ใหญ่บ้าน  ผู้ใหญ่เกือกก็เลยต้องย้ายบ้านเข้าไปอยู่ชายป่า
                ไปเที่ยวบ้านผมซินายช่าง  ค้างด้วยกันสักคืนปะไรมี  อยู่ถึงพรุ่งนี้เถอะ  จะมีการเลือกตั้งด้วยนา
                เลือกตั้งอะไรผู้ใหญ่
                เลือกตั้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน  ความจริงหลวงก็ให้สิทธิผมตั้งเองได้  แต่ผมไม่อยากให้คนครหา  เลยให้เขาเลือกกันเอง
                เทิดพงศ์กับผมเป็นประเภทนกขมิ้นขาอ่อน  ค่ำไหนกองนั่นอยู่แล้ว  เลยเรื่อยเจื้อยตามผู้ใหญ่เกือกไปพักบ้านแกแต่โดยดี
                บ้านผู้ใหญ่เกือกปลูกด้วยไม้สักหลังใหญ่  ดูโอ่อ่าอัครฐานกว่าบ้านใคร ๆ แถบนั้นทั้งหมด  ลือกันว่าที่ดินของผู้ใหญ่เกือกนั้นกว้าง  10  วัน  ยาว  20  วัน  เชียวครับ  เดินรังวัดกันจนลิ้นห้อยในบ้านตกแต่งอย่างชนบทแท้คือผนังประดับด้วยรูปถ่ายเล็กใหญ่และรูปภาพตัดจากปฏิทินเต็มครึ่ด 
บนสุดเรียงรายไปด้วยยันต์หลวงพ่อเพ้อ  หลวงพ่อโม้  เสด็จพ่อพุงโต  เสด็จทวดปากเบี้ยว  ชีปะขาวควายเฒ่า  เสด็จเจ้าวัดลวงตาอะไรทำนองนั้น
                ผมสะกิดเทิดพงศ์ให้ดูยันต์บนผ้าขาวขนาดยักษ์ที่มุมหนึ่ง
                อุ  อึก  อัก  สุ  แขวนก็ดี  ท่องก็รวย
                เฮ้ย  ยันต์อะไรวะ  ฟังแล้วรู้สึกอึก ๆ อัก ๆ ท้องผูกยังไงชอบกล  เทิดพงศ์กระซิบตอบ
                เขาอาจจะเอาไว้แช่น้ำกินแก้ท้องร่วงก็ได้นา
                นินทาเจ้าของบ้านพอหอมปากหอมคอตามแบบแขกที่ดีแล้ว  เราก็กินเหล้าของเขาจนเมาเค้เก้ไป  ก็เล่นเลี้ยงเหล้าอย่างอี  วี.เอส.  โอ.เค  นี่ครับ  ฮู้ย  ใสยังกะตาตั๊กแตนไม่เถื่อนเถิ่นอะไรหรอกครับผู้ใหญ่แกทำมาก๊ะมือ
                เช้าวันรุ่งขึ้นยังไม่ทันที่เราจะหายสวิงสวาย  ชาวบ้านก็อุ้มลูกจูงหลานแห่กันมาเต็มลานบ้าน  เสียงหมากัดกัน  เสียงแม่ดุลูก  เสียงเด็กร้องไห้  ระงมไป
                เราคว้า  ส.ร.ถ.  สุราเถื่อนมาถอนกันอีกคนละเป๊กแล้วก็เดินวางท่าองอาจตามผู้ใหญ่เกือกออกไปดูการเลือกตั้ง
                ผู้ใหญ่ออกไปยืนเด่นที่นอกชานแล้วเริ่มกล่าวปราศรัยด้วยสำนวนราวกับนายกฯ  ในโกศ
                พี่น้องประชาชนที่รักทั้งหลาย  ข้าพเจ้ามีความยินดีที่ท่านมาประชุมวันนี้เพื่อเลือกผู้แทนราษฎร  เฮ๊ยเพื่อเลือกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านให้ลุล่วงไปด้วยดี  เนื่องด้วยรัฐบาลนี้ต้องการให้เราประหยัด  เราจึงไม่เลือกตั้งกันด้วยการกากระดาษใส่หีบบัตรอย่างเลือกผู้แทนราษฎรและเราจะไม่ใช้การยกมือนับคะแนนด้วย  เพราะคนมากด้วยกันจะนับลำบาก  และอาจมีการโกงโดยยก  2  มือบ้างยกมือทุกครั้งบ้าง  ข้าพเจ้าจึงเสนอวิธีการเลือกตั้งแบบใหม่ให้ท่านตัดสินใจว่าจะตกลงหรือไม่
                ผู้ใหญ่เกือกยกผ้าขาวม้าเช็ดปากแล้วมองกวาดไปรอบ ๆ พูดต่อด้วยเสียงกังวาน
                วิธีของข้าพเจ้าก็คือให้ผู้สมัครทั้งหมดซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด  8  คนลงคะแนนเสียงเลือกกันเอง  โดยเขียนชื่อคนที่ตัวเลือกลงกระดาษแล้วมามอบให้ข้าพเจ้าเป็นผู้เปิดนับคะแนน  คนทั้ง  8  ที่สมัครนี้อ่านออกเขียนได้ทั้งนั้นและเป็นคนดี  วิธีนี้เราจะได้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่ดีและสามารถเลือกตั้งได้รวดเร็วด้วย  วิธีที่ข้าพเจ้าว่ามานี้ใครจะค้านก็ค้านได้เลย
                เงียบ  ไม่มีเสียงใครเป็นครู่  ต่อมาจึงได้ยินเสียงคนพูดกันค่อย ๆ และมีเสียงเด็กหนุ่ม ๆ ร้องสนับสนุน  แล้วอีกหลายเสียงก็ร่วมแสดงความเห็นชอบด้วย
                ถ้าอย่างนั้นเราจะได้ลงมือเลือกเลย  ผู้ใหญ่เกือกประกาศพลางอ่านชื่อผู้สมัครทั้ง  8 
 “นายดวง  คำมา  นายอ้าย  ชื่นหมื่น, นายแดง  ร่วงก๋า, นายบุญทา  นกรู้,  นายแสน  มาเสียสาย,
นายบุญเลิศ  งำวัง,  นายพงศ์  อีนสา  แล้วก็นายต๊ะ  หมอช้างเก่า
                ผู้ใหญ่เกือกให้เวลาผู้สมัครไปกล่าวปราศรัยแสดงคุณสมบัติของตนที่ชานบ้านได้คนละ  10  นาที  ไม่เลวครับ  แต่ละคนพูดเก่ง ๆ ทั้งนั้น  พูดกันสด ๆ ไม่ต้องท่องมาจากบ้าน  ไม่ต้องการใช้ผู้บอกบทแล้วก็ไม่ต้องมองเพดานนึกทบทวนที่ท่องมาพูด  ยังงี้รับรองได้ว่าไปทำงานทำการที่ไหนเจ้านายไม่ ทวิช แน่
                เสร็จการปราศรัยแล้วประธานการเลือกตั้งก็แจกกระดาษให้คนทั้ง  8  คนละแผ่น  ปากกาคนละด้าม  เพื่อเขียนชื่อคนที่ตัวจะเลือกลงไป
การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มีการลงคะแนนผี  ไม่มีไพ่ไฟ  ไม่มีการเวียนเทียน  ไม่มีทหารมาลงให้หน้าไหนทั้งนั้น  แต่การเลือกตั้งก็ต้องเป็นโมฆะไปทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครทุจริตจนนิดเดียว  ไม่มีจริง ๆ ครับ  ให้เจ้าหักคอคนอื่นซิเอ้า !
                การเลือกตั้งเป็นโมฆะเพราะผลของการเลือกตั้งปรากฏว่าได้ผู้ชนะ  8  คนครับ  แต่ละคนได้คะแนนเท่ากันหมดคือ  1  เสียง
                ทำไม  หรือครับ  ก็ทุกคนเล่นลงคะแนนเลือกตัวเองหมดนี่ครับ โธ่! โธ่!  โธ่!


ที่มา มนันยา   เรื่องสั้นแสนรักหนึ่งในสามวรรณกรรมหรรษาชุด ชาวเขื่อนลาก่อนกิ่วลม
           กรุงเทพมหานคร.   ประพันธ์สาส์น.  2537.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น