วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เมื่อเย็นย่ำ..ของวันอันร้าย


เรื่องสั้นเมื่อเย็นย่ำ....ของวันอันร้าย


    เธอโผล่หน้าออกมาจากเพิงพัก   ซึ่งเป็นย่านอยู่อาศัยแถวสลัม  เมื่อยามเย็นของวันนั้น  ด้วยความตื่นตระหนก  ในท่าทีของเพื่อนบ้าน-คนมาเคาะบ้านของเธอเสียงดังสะท้านไปทั้งหลัง
            สามีของเธอ   ถูกรถชนตายเสียแล้ว  เธอแว่วเสียงเพื่อนบ้านข้างเคียงว่าอย่างนั้น !
            เธอจะพูดอะไรได้  นอกจากดึงลูกน้อยเข้ามาไว้ในอ้อมแขน  แล้วร่ำไห้....เขาจากเธอไปแล้ว....ไปและไม่กลับมาอีก-นี่เป็นความรู้สึกของเธอ
            นับอายุดู  เขา-สามีของเธอนั้น   อายุร่วมสี่สิบปี  แล้วปีนี่....โชคเขาร้ายเคราะห์เขาหนัก  เขาสร้างสมบาปกรรมอันใดไว้เล่า   ถึงได้ภัยแรงเช่นนี้  ยังจะต้องให้เธอกับลูกน้อยต้องมาพลอยวิบัติไปด้วยอีก  วิบัติซี ! ถ้าไม่มีเขาแล้ว.....ลูกจะเป็นอย่างไร  เธอนั้นเล่า?  จะไปไหน  และจะพึ่งพาใครได้  ในชีวิตนี้....?
             เธอร้องไห้   จะเป็นจะตาย  อยู่ในบ้านสลัม  ยามเย็นย่ำของวันนั้น!
             อายุสี่สิบปีแล้ว   แต่ใบหน้าเขายังอ่อนอยู่ด้วยอารมณ์อันแจ่มใส   มองความจน  ความทุกข์  ความต่ำต้อย  เป็นของธรรมดาของชีวิตตลอดเวลาที่เธออยู่กับเขา  เขาบากบั่น  ก้มหน้าทำมาหากินตลอดมา
             เขามีความรู้  จบชั้น ป.4   สูงกว่าเธอเสียอีก  เธออ่านหนังสือไม่ออกเขียนหนังสือไม่ได้  แต่เขาพออ่านออก  พอเขียนได้  ทั้งฉลาดและขยันมากพอที่เธอจะภาคภูมิในตัวเขา....เขามีประวัติอันดีงามนับแต่อยู่บ้านนอก-เป็นลูกที่ดีของพ่อ  เป็นคนงานในไร่ที่นายจ้างชอบ  ความประพฤติเมื่ออยู่กรุงเทพฯ  ของเขาก็เป็นไปโดยสม่ำเสมอ- เป็นสามีที่ซื่อสัตย์ของเธอ  เป็นพ่อที่ดีของลูก  และเป็นผู้นำที่แข็งขันแห่งครอบครัว
              เขาเป็นผู้ที่อดทนต่อความเลวเป็นอย่างยิ่ง....
         บ่อยครั้งในบ้านสลัม  และช่วงชีวิตอันแร้นแค้นลำเค็ญในกรุงเทพฯนั้น  ความเลวได้มา
ท้าทายให้เขากระโจนเข้าหามันอยู่บ่อย ๆ  มันบีบคั้นลำไส้อันหิวโหยและรัดร่องท้องอันว่างเปล่าทั้งเขาและเธอจนแทบขาดใจพ่ายแพ้
              ฉันไม่อยากจะทำชั่ว  แม้แต่ลักขโมยของ ๆ ใครสักชิ้น  เขามักจะปลอบเธอในวัน
อันร้ายกาจเหล่านั้นให้อดทน  และก็ชนะทุกหนมา            
       
               กับลูกล่ะ.....เขาก็ตั้งความหวังไว้สูง
              ฉันจะให้มันเรียนหนังสือให้เก่ง  ให้มันเรียนสูง ๆ  เป็นครูหรือเป็นหมอก็ได้ เขาว่าอย่างนั้นเธอยังแอบหัวเราะ
              ชีวิตกำลังจะเริ่มต้น  อะไรต่ออะไรกำลังจะดีขึ้น  ความทุกข์ความเดือดร้อนกำลังจะหมดไป   แทนด้วยความหวัง  ความสุขตามพอมีพอได้   เมื่อเขาได้งานประจำ  มั่นคงเป็นหลักฐาน  เป็นคนงานกวาดขยะของเทศบาลปฏิบัติหน้าที่เป็นประจำอยู่กับถนนสายหนึ่งของกรุงเทพฯ.....
         “ถนนของฉันสะอาด   เรียบร้อย       เขายังเคยอวดเธอ..........
              เวรกรรมที่ทั้งเขาและเธอไม่เคยสร้าง   ก็มาล้างผลาญเสียแล้ววันนี้.....!
             รถยนต์ของใคร  ไม่รู้- ช้อนร่างของเขาลอยล่อง  และร่วงเละอยู่กับท้องถนนอันแสนสะอาดของเขาเอง........เธอหลับตา   เห็นเลือดไหลออกจากเรือนกายของเขาเป็นสีแดงทาเปรอะทั่วท้องถนน   รถยนต์ของใครคนนั้น  มันไม่เพียงแต่ขโมยชีวิตของเขาไประหว่างกระทำหน้าที่  มันยังขโมยความสุข  และลักพาชีวิตครอบครัวของเธอไปหมดสิ้น
              เธอร่ำไห้.....อยู่ในความเย็นย่ำ - ว้าเหว่ของบ้านสลัม.....
              คุณนาย   กลับถึงบ้านอันโอฬารของเธอเมื่อยามเย็นเดียวกันนั้นพร้อมกับรับทราบว่า....ลูกชายได้ขับรถคันใหญ่ไปชนคนตายเข้าแล้ว
              เขา - ลูกของเธอตกใจมาก  นับเป็นอุบัติเหตุที่ร้ายแรงอีกครั้งหนึ่งในชีวิตของเขา!
             มันคงไม่กระไรนักหรอกน่า......ไม่มีคนเห็น  คุณนายปลอบลูกอย่างนั้น......
             ถนนก็เปลี่ยว  โชคยังดี - คุณนายว่า
              แต่สีหน้าท่าทางของเขา  ก็ยังตื่นตระหนกไม่รู้หาย ...  เขาเริ่มต้นร้องไห้ด้วยความขลาดกลัว.......คุณนายเหนื่อยอ่อนอยู่บ้างเหมือนกัน  ที่เห็นเขาอ่อนแอเหมือนยังไม่พ้นจากอ้อมอก....ดูยังไม่เติบโตแข็งแรง  อย่างที่เธออยากจะเห็น   และทั้งที่เธอได้ปูทางสร้างรอยทางอันยิ่งใหญ่ไว้ให้เขาแล้วนับนาน......
              เขาจะต้องเป็นตัวแทนสำหรับพ่อของเขา  เป็นใหญ่เหนือกิจการและทุก ๆอย่างที่เธอมี  เขากับลูกชายและลูกคนเดียวที่เธอขาดไม่ได้เพราะขาดแล้ว - หามาแทนไม่ได้อีก !
             นับอายุดูเล่น  เขาก็เกือบจะยี่สิบปีแล้วปีนี้ - ทำอันใดผิดพลาดเขาก็ได้แต่หวั่นไหว  เศร้าซึมใจอย่างที่เห็นนี่ -  นี่ถ้าเธอตายไปเสียก่อน  เขาจะไม่ปล่อยให้อะไรต่ออะไรที่เธอและสามีอุตส่าห์สะสมไว้ให้วิบัติฉิบหายไปหมดหรือ ?  เธอคิด.....
              เมื่อรู้สึกเวทนา  ก็ดึงร่างอันสั่นเทาของเขาเข้ามาแนบใกล้!
               จะทอดทิ้งกระไรได้....เมื่อเธอหวังเขาไว้สูงนัก - เธอจะต้องฝึกให้เขากล้าหาญเผชิญโลกด้วยความสุขุมเยือกเย็น  และเป็นสง่าเยี่ยงพ่อของเขา  เธอยังจะต้องให้เขาตระหนักอีกมากว่าชีวิตของเขามิได้เป็นธรรมดาเยี่ยงสามัญชนคนอื่น...เขาเป็นตัวแทนแห่งชาติตระกูลอันสูง  แห่งฐานะ
อัครฐาน  ที่มีอยู่ไม่กี่สิบตระกูล ในประเทศไทยนี้  เขามีสิทธิ์  มีปัญญา  อยู่เหนือคนอีกหลายเรือนล้านต่อการแก้ปัญหาอันยุ่งยากที่จะต้องเข้ามาเยี่ยมเยือนบ้างเมื่อเคราะห์หามยามร้าย
              ยัง....ยังไม่พอหรอก  สำหรับภูมิความรู้ในประเทศนี้ของเขา
              เธอจะต้องส่งเขาออกไปไกล  ไปยังประเทศที่ไกลและรุ่งเรืองมากกว่าที่นี่  ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างตัวตนและชาติตระกูลแห่งเขาเอง  เธอยังต้องเสี่ยงอีกมาก  เธอรู้  เพราะเขาเป็นผู้ที่มีความอดทนต่อความเลวน้อยมาก.......
              บ่อยครั้งนัก   ที่ความชั่วช้า  ต่ำทราม  ได้เข้ามาท้าทายเกี่ยวพันเขา  และเขาได้พ่ายแพ้  หวิดจะทำให้ตระกูลอัปยศอดอายมาก็หลายหน  การพนัน  ผู้หญิงและเพื่อนชั้นต่ำ    เขามักง่าย
พ่ายแพ้มันเสมอ
               ผมไม่รู้ตัวเลย.... เขามักจะสารภาพกับเธออย่างนั้นเสมอ !
               นี่เขาก็สำมะเลเทเมา  ขับรถชนใครตายมาก็ไม่รู้  เห็นจะพ้นเธอไปไม่ได้
               ใครกันนะ ?  ที่ถูกรถราคาแพงของเขาชนล้มตายไปวันนี้...ราคาชีวิตของคนนั้น  กับราคารถของลูกชายใครจะแพงกว่ากันแน่ ?  ...เธอคิด
                เอาละ !  เธอพรายยิ้มที่มุมปาก  ปลอบโยนลูกให้คลายลงจากความเศร้า...   “มันเรื่องนิดเดียว  นิดเดียวเท่านั้นเอง !” เธอว่า
                เธอ-คุณนาย  สบายใจแล้ววันนี้.... ที่ได้เห็นใบหน้าลูกชาย  เริ่มคลายความหมองเศร้ากลับมาเป็นปกติเมื่อเย็นย่ำของวันนั้นเอง             
   
ที่มา หนังสือประชุมร้อยกรอง  บทความ และเรื่องสั้น  ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย 
             พุทธศักราช  2524  กระทรวงศึกษาธิการ  คุรุสภาลาดพร้าว  2525

2 ความคิดเห็น: